ประวัติ

ประวัติวิทยาลัยสงฆ์มหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทย เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของคณะสงฆ์ไทย ที่สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๒ โดยมีพระราชปณิธาน ให้เป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง สำหรับพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ และเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ

ในส่วนของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น มีหน่วยงานในสังกัดประกอบด้วย (๑) วิทยาลัยสงฆ์ขอนแก่น (๒) สำนักวิชาการ (๓) สำนักงานวิทยาเขตขอนแก่น (๔) วิทยาลัยสงฆ์เลย (๕) วิทยาลัยสงฆ์ร้อยเอ็ด (๖) หน่วยวิทยบริการวิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม มีพันธกิจ ๔ ประการคือ ผลิตบัณฑิต  วิจัยและพัฒนา บริการวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หน่วยวิทยบริการวิทยาเขตขอนแก่น วัดอภิสิทธิ์ จังหวัดมหาสารคาม ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๔๙ เมื่อวันพฤหัสบดีที่  ๒๕  พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ให้เปิดการเรียนการสอนโดยใช้ชื่อเป็นทางการว่า “หน่วยวิทยบริการจังหวัดมหาสารคาม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  วิทยาเขตขอนแก่น วัดอภิสิทธิ์  ตำบลตลาด  อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม” ได้เปิดสอนระดับปริญญาตรี จำนวน ๑ สาขาวิชา คือ สาขาวิชาพระพุทธศาสนา  และเปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์(ป.บส.)  โดยพระเดชพระคุณเจ้าคุณอธิการบดีได้เมตตาเป็นประธานเปิดป้ายหน่วยวิทยบริการจังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่  ๑๙  สิงหาคม  พ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งมีพระเดชพระคุณ พระเทพสารคามมุนี เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคามในขณะนั้นเป็นประธานหน่วยวิทยบริการ ในปัจจุบันมีพระเดชพระคุณพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม เป็นผู้อำนวยการหน่วยวิทยบริการ


หน่วยวิทยบริการวิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม
ได้จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๔๙  จนถึงปัจจุบัน มีนิสิตสำเร็จการศึกษาแล้วจำนวน ๖ รุ่น รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๑๗ รูป, และนิสิตสำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์(ป.บส.)  จำนวน ๖ รุ่น รวมทั้งสิ้นจำนวน  ๘๓๑ รูป    และในปัจจุบัน มีนิสิตที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีทุกชั้นปี  จำนวนทั้งสิ้น  ๒๓๐  รูป กำลังศึกษาระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ จำนวน ๑๑๒ รูป รวมพระนิสิตที่ศึกษาอยู่ในปัจจุบันทั้งสิ้น ๓๔๒  รูป

เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษา เนื่องจากอาคารที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอ จึงมีความจำเป็นต้องใช้สถานที่แห่งใหม่ เพื่อสนองพันธกิจของมหาวิทยาลัย คณะสงฆ์จังหวัดมหาสารคาม นำโดยพระเดชพระคุณพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม,ผู้อำนวยการหน่วยวิทยบริการจังหวัดมหาสารคาม และวิทยาเขตขอนแก่น จึงได้ได้ดำเนินการขอใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์โคกหนองรัก ตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างหน่วยวิทยบริการวิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม โดยความเห็นชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลคันธารราษฏร์ และได้รับอนุมัติให้ใช้ที่ดินโดย ดร.โชคชัย เดชอมรธัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม ได้ออกใบอนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ แก่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย แปลงโคกหนองรัก นี้ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งการดำเนินการทุกขั้นตอนได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกภาคส่วน ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลคันธารราษฎร์,อำเภอกันทรวิชัย,สำนักงานที่ดินจังหวัดมหาสารคาม,สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดมหาสารคาม และได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารเรียน ๑๕๐  ปี จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีพระเดชพระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร.อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธาน

ในส่วนของการก่อสร้างเพื่อพัฒนาพัฒนาสถานที่แห่งนี้เพื่อให้รองรับการเป็นวิทยาลัยสงฆ์นั้น พระเดชพระคุณพระเทพสิทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม ผู้อำนวยการหน่วยวิทยบริการวิทยาเขตขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม ได้นำพาคณะสงฆ์จังหวัดมหาสารคามและพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ดำเนินการก่อสร้าง ดังนี้

๑.อาคารหอประชุมอเนกประสงค์ ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว จำนวน ๑ หลัง เป็นเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท

๒.อาคารห้องสุขา ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว จำนวน ๒๐ ห้อง เป็นเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท

๓.อาคารเรียน ๑๕๐ ปี มหาสารคาม เป็นอาคารเรียน ๔ ชั้น กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ โดยประมาณการค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ทั้งสิ้น จำนวน ๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยรวบจากศรัทธาของผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป

๔.อาคารเรียนพิพิธภัณฑ์นครจัมปาศรี เป็นอาคารเรียน ๓ ชั้น กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ โดยประมาณการค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ทั้งสิ้น จำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลโดยท่านเสน่ห์ นนทะโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม มอบหมายให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมหาสารคาม เป็นเจ้าภาพในการขออนุมัติงบประมาณและดูแลในการก่อสร้าง

๕.อาคารห้องสุมด เป็นอาคารชั้นเดียว ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้ว โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นจำนวน ๕,๓๐๐,๐๐๐ บาท  โดยรวบจากศรัทธาของผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป